“นิกกี้ – ก้อย” เลิกกันแล้ว ยันไร้มือที่สาม เผยสาเหตุรักไปต่อไม่ได้
ส่งกำลังใจเพียบ! “ปิ่น เก็จมณี” โพสต์ ‘กำลังใจที่ดีที่สุดมาจากตัวเอง’
หลังจากที่ตัดสินใจสิ้นสุดคำว่าชีวิตคู่ นักแสดงมากฝีมือ “โอ๊ต – วรวุฒิ นิยมทรัพย์” ที่เลิกรากับภรรยา “จีน่า อันนา” อายุห่าง 21 ปี เมื่อปีที่แล้ว ได้ออกมาเปิดใจครั้งแรกทางคุยแซ่บshow ถึงเรื่องราวทั้งหมด
โดย “โอ๊ต” ยืนยันว่า เป็นการพูดคุยตกลงกันด้วยดี ทุกวันนี้ยังคงอยู่บ้านเดียวกัน ทำหน้าที่พ่อ-แม่ของลูกๆ ทั้ง 2 คน ซึ่งเจ้าตัวเล่าว่า
ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า “โอ๊ต” และภรรยาได้ยุติความสัมพันธ์ในฐานะ สามี ภรรยา แล้ว ณ ตอนนี้สถานะคืออะไร?
“เป็นพ่อและแม่ของลูก”
เห็นข่าวมาสักพักแล้ว แต่ก็ยังถ่ายรูปด้วยกันลงไอจี เต้นติ๊กต๊อก เป็นครอบครัวอยู่ ก็คิดว่ามันคงเป็นข่าวเฉยๆ แต่มันคือเรื่องจริง?
“ต้องยอมรับว่ามันคือเรื่องจริงครับ (ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม?) จริงๆ ข่าวออกพฤษภาคม นะ แต่เราเริ่มที่จะคุยกันจริงจังมากขึ้น แล้วสรุปของเราตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้ว (1 ปีแล้ว?) ใช่ครับ”
วันที่ทั้งคู่ตัดสินใจจะให้อิสระกันและกัน?
“พี่ออกตัวนิดนึง การที่คุยวันนี้มันอาจจะมีผลกระทบถึงบุคคลอื่นที่ไม่ได้มานั่งคุยกับเราในวันนี้ อันนี้เป็นเหตุผลในทางของพี่โอ๊ตฝ่ายเดียว ซึ่งพี่คุยกับทางคุณจีน่าแล้วว่าโอเควันนี้เรามาออกรายการ เราจะคุยประมาณนี้ ได้แค่ไหนพี่ตอบแค่นั้นจะตอบเท่าที่จะตอบได้ บรรยากาศในการคุยวันนั้นเป็นการคุยปกติธรรมดา ใช้สติในการคุยกัน คุยแบบเป็นเพื่อนกัน ไม่ได้ทะเลาะกัน ในการยุติความสัมพันธ์คิดว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับตัวเราเองและตัวลูกด้วย”
สำหรับตัวเราเองคิดว่าเหตุผลหลักในการคืนอิสระให้กับอีกฝ่ายคืออะไร?
“จริงๆ มันไม่ได้มีอะไรผิด ไม่มีอะไรถูก ในการที่เราจะมองเป้าหมายในชีวิตของเรา ต่างคนต่างมีทางของตัวเองเราคิดว่าตรงนี้เป้าของเรายังต่างกันอยู่ เขาก็ยังมีเวของเขาอยู่ เราก็มีเวย์ของเรา เวย์ของเราอาจไม่ได้หวือหวาเหมือนกับที่เขาตั้งเป้าในทางเดินของเขาไว้ มันก็เลยสวนทางกันในการดำเนินชีวิต เลิกกันแบบนี้ก็เลยง่ายกว่า”
มันเป็นเรื่องความห่างของอายุด้วยไหม?
“จะบอกว่าไม่สำคัญเลยไม่ได้นะ มันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะว่าในช่วงที่เราอายุวัยเดียวกับเขา เราก็คิดเหมือนกับเขานี่แหละ เราอยากไปให้สุดในเส้นทางของเรา มันห้ามไม่ได้ พอมันมาถึงอายุที่มากขึ้น 50 กว่า มันรู้สึกว่าทางเรามันลงเขาแล้ว มันเริ่มหาจุดสงบแล้ว มีความสุขแบบนิ่งๆ มันก็เลยสวนทางกัน ทางขึ้น กับทางลง แต่ว่าสิ่งนี้ไม่มีใครผิด ใครถูก”
ปีนี้เราเองอายุ 52 ปี ถ้าเขาอายุน้อยกว่า 21 ปีก็คือ 30 ต้นๆ เท่านั้นเอง?
“ใช่ครับ”
วันนั้นของเดือนมีนาคมปีที่แล้ว บทสรุปคือ?
“เราลดสถานะของการเป็นสามี ภรรยา แล้วมาเป็นพ่อกับแม่ของลูก”
แต่เราก็ยังอยู่บ้านเดียวกัน?
“อยู่บ้านเดียวกัน เราแยกห้องนอนกัน คือต้องบอกว่าเราแยกห้องนอนกันมานานแล้วด้วย พอนอนด้วยกันเขาไม่สบายตัว ที่นอนมันพอดีเกินไปก็แยกไปอยู่อีกห้องก่อนหน้านั้นนานแล้ว แล้วที่มาคุยกันก็คือเรื่องการแยกห้องนอนในสถานะที่มันเปลี่ยนไป”
พอเราตัดสินใจเดินออกจากกันและกัน ความรู้สึก มันต้องเซ็นใบหย่าไหม?
“ไม่ต้อง เพราะเราไม่ได้จดทะเบียนสมรสตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว แค่จัดงานเฉยๆ ที่เราไม่ได้จดทะเบียนสมรส คือด้วยเราทำธุรกิจด้วย กลัวผลกระทบที่จะตามมาในอนาคต ซึ่งคนที่ทำธุรกิจมีความไม่แน่ ไม่นอน ก็กลัวมีผลในภายภาคหลังก็เลยไม่เลือกที่จะจดทะเบียนสมรสกัน”
อยู่บ้านเดียวกัน ต้องปรับตัวยังไง เพราะว่ามันต้องเจอกันทุกวัน ตลอด 5 ปีที่แต่งงานมาเขาคือภรรยา แต่พอวันที่แยกกันแล้ว?
“เขาคือเพื่อน แล้วเป็นแม่ของลูก ยังมีความเอื้ออาทร มีความห่วงใยกันในฐานะเพื่อนแล้วก็แม่ของลูกด้วย ฉะนั้นเวลาทำอะไรไปไม่ได้แค่เฉพาะความรู้สึกของเราคนเดียว ต้องแคร์ความรู้สึกของลูกด้วยอีก 2 คนนั่งมองอยู่ เราใช้พื้นที่ส่วนกลางร่วมกัน พื้นที่ส่วนตัวก็แยกห้องนอน ยังไปไหน ทำกิจกรรมทุกอย่างปกติเหมือนเดิม ส่วนลูกนอนกับพ่อทุกคืน พ่อติดลูกด้วย ติดกล่อมลูก ติดนอน เขาจะนอนตรงแขนพ่อ”
พอเราอยู่ด้วยกันเข้าใจแหละว่าแยกห้อง พอเราทำอะไรด้วยกันลูกเขารู้ไหม?
“โอเลิฟ มีพูดได้บ้าง แบบอยากให้แม่นอนตรงนี้ ให้พ่อนอนตรงนี้ แล้วลาฟกับเลิฟก็นอนตรงนี้ อันนี้มันเป็นคำที่บางทีก็สะเทือนใจเรา บางทีเลิฟจับมือพ่อกับแม่มาแล้วบอกว่า เลิฟอยากเห็นพ่อกับแม่รักกัน แล้วเลิฟจะมีความสุข เราก็น้ำตาไหล มองหน้ากันกับคุณจีน่า ซึ่งมันก็สะเทือนใจ เราไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ข้างใน แต่ว่าในหน้าที่ของการเป็นพ่อเป็นแม่ เราพยายามทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เมื่อถึงวันนึงที่มันสมควร หรือดูวุฒิภาวะที่มันไม่กระทบกับเขามากเราจะพูดความจริงกับเขา เราจะค่อยๆ บอก ตอนนี้เรากำลังดูเขาอยู่ว่ามันเหมาะสมแค่ไหน”
อายุเท่าไหร่เราถึงจะเปิดใจคุยกับเขาได้?
“สัก 10 ขวบถึงค่อยบอก แต่ว่าตอนนี้เราพยายามสร้างบรรยากาศในครอบครัวให้มันดูปกติที่สุด”
ไปไหนก็ยังไปด้วยกันอยู่ ล่าสุดยังไปงานแต่งงานลูก “พี่ผัดไท” อยู่เลย?
“ใช่ ยังไปด้วยกัน ก็ปกติเราเป็นเพื่อนกัน ความสัมพันธ์ทุกอย่างก็ปกติก็ยังดูแลกันในครอบครัว มันแค่แยกสถานะของความเป็นส่วนตัวออกไปแล้วลดสถานะของความเป็นสามี ภรรยา”
พอมันเป็นแบบนี้มันสบายใจกว่า?
“สบายใจกว่า หมายถึงว่า เราไม่ต้องคาดหวังในเรื่องส่วนตัวของเขา ในบางสิ่ง บางอย่างที่เราคาดหวังแล้วไม่เป็นอย่างที่เราคิด เรื่องพวกนี้ตัดทิ้งไปได้เลย เพราะว่าเขาก็สามารถใช้ชีวิตเขาได้เต็มที่ในส่วนของเขา เราก็สามารถใช้ชีวิตในส่วนของเราได้ แล้วมีหน้าที่ร่วมกันคือรับผิดชอบในเรื่องของลูก”
มีบางวันที่อยากจะรู้ไหมว่าเขาคุยกับใครไหม คบกับใครไหม หรือไม่เลย?
“เฉยๆ เราปล่อยชีวิตให้เขาอิสระเลย ก็มีพอรู้อยู่บ้างแหละ เขาไม่ได้ปิด แต่ไม่ได้มีผลกระทบต่อลูกไง โฟกัสของผมตอนนี้หลักๆ เลย คือความรู้สึกของลูก แต่ก่อนยังมีความรู้สึกของตัวเองบ้างนะ อยากมีนู้น อยากไปนี่ อยากอะไรต่ออะไร แต่ตอนนี้ไม่มีเลย ความรู้สึกของตัวเองคือลูกอย่างเดียวเป็นที่ตั้งเลย”
แบ่งเวลาในการดูแลลูกๆ ยังไง?
“ตอนนี้เวลางานประจำของผม คือ จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสบดี อาจจะมีเลยไปวันศุกร์บ้าง แต่ไม่ประจำ เวลานี้เขาก็จะช่วยดูแลลูก ตอนเช้าไปโรงเรียน แต่ว่าเราจะมีแม่บ้านด้วยมาคอยซัพพอร์ตอีกทีนึง พอ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ก็จะเป็นของเราฟูไทม์เต็มที่เลย ออกต่างจังหวัดไปหาคุณย่าบ้าง ไปทำกิจกรรมบ้าง ลุยจักรยานอยู่ท้ายรถเรียบร้อย ปั่นเขาชอบอะไรลุยๆ”
แสบเท่าพ่อไหม?
“พ่อไม่แสบ แต่ตัวเล็กแสบ นิสัยแบบโฉ่งฉ่าง เอาเรื่อง ใจร้อน มือไวใจถึง แต่ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ตรงไปตรงมา แต่คนโตเนี่ยจะมีชั้นเชิง มีเล่ห์เหลี่ยม มีอะไรกับน้อง แต่ก็แกล้งกันทั้งวัน (ตีไหม?) ตี แต่ไม่ได้ตีด้วยอารมณ์นะ ตีด้วยเหตุผล”
ไปส่งลูกๆ ที่โรงเรียนทำไมต้องร้องไห้?
“คิดถึง แต่ก่อนเราเป็นผู้ชายใจแข็งไม่ค่อยร้องไห้นะกับสถานการณ์ต่างๆ แต่พอมาเจอเรื่องลูกมันเซนซิทีฟ แค่อ่านข่าวเด็กคนอื่นแล้วคิดถึงลูกก็ร้องไห้”
ฟังดูรักลูกมาก แต่ทำไมมีลูกช้าสุดในกลุ่มคำพูดจาก เว็บสล็อตเว็บตรง?
“นั่นนะสิ คือไม่เคยคิดจะมีลูกเหมือนพี่พีเค (พีเค ปิยะวัฒน์) นี่แหละ หมายถึงว่าคนที่เป็นครอบครัวเราแต่ก่อน เราเคยคิดจะมีลูกด้วยกัน แต่พอมันอายุเยอะความต้องการมันหายไป เราเคยคิดจะมีลูกตั้งแต่อายุ 20 ปลายๆ พอมันผ่าน 30 กว่า 40 กว่า มันไม่อยากมีแล้ว แต่พอมาเจอคนที่แบบว่าเขาก็อยากมี มันก็เลยจุดประกาย ก็เอาสิ เผื่อได้ ทีแรกคิดว่าจะเอาแค่ผู้หญิงคนเดียวพอ พอผู้ชายมาก็จะเอาเด็กผู้หญิง แต่ก็ไม่ได้”
ตอนแรกเกิดมาเป็นยังไง ความรู้สึกเราเปลี่ยนไปเลยไหม?
“มันตั้งตัวไม่ถูก มันมีเวลาตั้งตัว 9 เดือน แต่พอได้มาจริงๆ แล้วมันหวิว จริงเหรอ มันงงๆ ตื่นเต้น ลูกเราออกมาจะหน้าตาเป็นยังไง จะเหมือนใคร มันลุ้นไปหมดทุกอย่าง คนที่สองไม่เท่าคนแรกนะ คนแรกลุ้นหนักสุด ออกมาจะปกติไหม จะนู้นนี่นั่นหรือเปล่า คิดกังวลไปหมด ทุกวันนี้ยังงงอยู่เลย บางทีเกิดอะไรขึ้นเวลาผ่านไป 10 ปี มีลูก 2 คนมันเป็นไปได้ยังไง อยู่ๆ งงๆ แต่อยู่กับลูกแฮปปี้มากครับ แต่ก่อนไม่มีความคิดเลย เวลามีลูกมันเหนื่อยก็จริงนะแต่มันจะมีความสุขขนาดนี้”
เป็นห่วงวันเดียวจริงๆ คือวันที่ต้องบอกลูก เตรียมประโยคไว้ไหม?
“ตอนนี้เตรียมโรงเรียนไว้ให้ลูกในอนาคตว่าสักวันนึงเราจะส่งลูกไปเรียนโรงเรียนที่ไหน แล้วเราจะคุยกับลูกยังไง แล้วเราจะคุยกับลูกเรื่องของสถานะพ่อกับแม่เนี่ยได้ตอนไหน แค่ไหน ก็มีเตรียมๆ ไว้ แต่ไม่ได้วางแผนอะไรมากมาย แค่ดูความแข็งแรงของเขาก่อนว่าเราสามารถคุยกับเขาได้แค่ไหน”
สิ่งที่ดีกว่านั้นคือเราอยู่ด้วยกันแล้วเขาเห็นว่าเรารักกัน หมายถึง พ่อ แม่ รักกัน ไม่ได้ทะเลาะกัน บางบ้านไม่ได้เลิกกันแต่ทะเลาะกันทุกวัน อันนั้นรู้สึกแย่กว่า?
“บรรยากาศของการอยู่ร่วมกัน บรรยากาศที่เขาอยู่กับเราด้วยมันสำคัญมาก”
โรงแรมที่บุรีรัมย์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?
“ตอนนี้ดี โรงแรมดูแลตัวเองได้ดีเลยแหละ”
แต่ตอนนั้นจะขาย แล้วตอนนี้ยังอยากขายไหม?
“ตอนนี้ยังติดสัญญาขายอยู่กับนายหน้าเจ้าหนึ่งถึงปลายปี ตอนนี้มันอยู่ที่ว่าข้อตกลงที่เราคุยกันพอใจแค่ไหนตอนนี้เราไม่ได้เรืงรีบเหมือนตอนช่วงก่อนแล้ว แต่ก่อนเราแบกภาระเยอะ ทั้งร้านอาหาร ทั้งอะไร ตอนนี้รู้สึกว่ามันดูแลตัวเองได้ดีแล้ว ถามว่ามีความต้องการอยู่ไหม ในใจลึกๆ เอง ถ้าเจอดีลที่มันจบ ดีลที่ตกลงกันด้วยดี ผมก็ยังยินดีอยู่ในข้อเสนอเดิม”
ถ้าขายได้ มันจะเป็นเงินก้อนโตอยู่ในมือเราเลย เอาไปทำอะไร?
“ให้ลูกครับ”
ไม่ได้มีแบบพ่ออยากได้มอเตอร์ไซค์วินเทจ?
“แต่ก่อนมันมีแต่ความต้องการของเราเองอย่างเดียวเลย แล้วมันไม่ได้มีความสุขด้วยนะ มันมีแค่ตอนได้ สักพักก็เบื่อ เปลี่ยน แต่ตอนนี้รู้สึกว่าอะไรที่เป็นของลูกได้ เป็นความมั่นคงของลูกได้ เราจะให้ลูกทั้งหมดเลย สิ่งที่เรามี สิ่งที่เราทำมาทั้งหมด วางแผนไว้ว่านี่เป็นของโอลาฟ โอเลิฟ ทั้งหมด ในอนาคตไม่ได้หวังว่ามันจะสามารถหล่อเลี้ยงเขาไปตลอดชีวิตนะ แต่มันอาจจะสร้างโอกาสที่ดีให้กับเขาได้ในเวลาที่เขาต้องการ”
แสดงว่าถ้าขายได้เงินก้อนโตมาก็เก็บไว้ให้เขาเรียน?
“ใช่ เก็บไว้”
ณ วันนี้โสด พ่อลูก 2?
“ครับผม”
ยังมองหาอยู่ไหม คำว่าความรัก?
“จริงๆ ไม่เคยเข็ดนะ ไม่เคยเข็ดเรื่องความรักเลยนะ อยากมีความรักตลอดเวลา ความรักมันเป็นสิ่งที่ดี สวยงามอยากมีความรักแบบชีวิตคู่ ลุง ป้า มีความรักแบบคนที่เป็นเพื่อนกัน อยากมีมาก แต่มีไม่ได้ ติดเรื่องลูกยังเล็กอยู่ อย่าคิดว่ามีแฟนเลยนะ ตอนนี้คนคุยยังไม่มีเลย”
ปิดประตูใส่เขาใช่ไหม?
“เราคิดว่าเรายังไม่พร้อม”
ถ้าเกิดมีใครอยากไลน์มาคุยด้วยตอนนี้ หน้าตาต้องเป็นไง?
“หน้าตาไม่เกี่ยวแล้ว ขอคนที่คุยด้วยแล้วสบายใจ อยู่ในทิศทางเดียวกัน อายุเยอะหน่อยก็ดี (คำว่าเยอะคือ?)มันมั่นคงมากกว่า สัก 35 ขึ้น”
คิดว่าจะให้เวลาในความเป็นโสดของตัวเองเท่าไหร่?
“อีกสัก 5 ปี แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไรนะ ถ้าไม่มีคนที่อยู่ด้วยกันแล้วมันมีความสุขจริงๆ หรือไม่ได้อยู่ในความคิดความต้องการใกล้เคียงกันก็ไม่เอานะ เพราะไม่อยากเป็นทุกข์”
อีก 5 ปีน้องเขาโตขึ้นแล้ว มันมีโอกาสที่จะกลับมารีเทิร์นไหม?
“ในอนาคตพูดไม่ได้เลย แต่ในปัจจุบันเราคิดว่าเราอยู่แบบนี้เราสบายใจกว่า”